เทคนิคการประกอบแว่น

สั่งซื้อสินค้าผ่านเว็ปไซด์บริการส่งฟรีทั่วประเทศ
>

Language Click Here จะทำอย่างไรเมื่อผลตรวจสายตาอาชีวอนามัยออกมาผิดปกติ

เรียบเรียงโดย
นพ.วิวัฒน์ เอกบูรณะวัฒน์, แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ รพ.สมิติเวช ศรีราชา
นพ.สมบูรณ์ ปัญญากรณ์, จักษุแพทย์ รพ.สมิติเวช ศรีราชา


วันนี้จะขออธิบายหลักการแปลผลของเจ้าเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยนี้กันอย่างคร่าวๆ ให้พอเข้าใจกันนะครับ

เครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัย (Vision screener) เป็นเครื่องมือตรวจคัดกรองสุขภาพพนักงานอย่างหนึ่ง ข้อดีของเครื่องตรวจนี้คือมันมีขนาดเล็ก พกพาง่าย สามารถตรวจความผิดปกติของสายตาได้หลายอย่าง ได้แก่ การมองเห็นภาพชัดเจน (Visual acuity) ทั้งระยะไกล (Far vision) และระยะใกล้ (Near vision) การมองภาพสี (Color vision) การมองภาพ 3 มิติ (Stereopsis) การตรวจภาวะตาเขซ่อนเร้น (Phoria) ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน การตรวจลานสายตา (Visual field)

สาเหตุที่แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ต้องเอาเครื่องตรวจสายตาชนิดนี้เข้าไปตรวจในโรงงาน เนื่องจากมันมีขนาดเล็กพอที่จะพกพาได้ หากนำเครื่องตรวจสายตามาตรฐานเข้าไปตรวจในโรงงาน ให้ครบทั้ง 5 – 6 อย่างตามที่กล่าวมาแล้ว จะเกิดความเทอะทะ ก่อความสับสนทั้งกับผู้ตรวจและผู้ถูกตรวจด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยนี้ เป็นเพียงเครื่องตรวจคัดกรอง (Screening) คร่าวๆ ความน่าเชื่อถือในผลการตรวจของมันนั้น ไม่อาจเทียบกับเครื่องตรวจมาตรฐานได้ เมื่อตรวจแล้วมีผลการตรวจที่ผิดปกติอย่างมาก แพทย์อาชีวเวชศาสตร์จึงมักจะพิจารณาส่งพนักงานท่านนั้นไปตรวจยืนยัน (Confirm) กับจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง

ที่นี้ก็มาถึงหลักการแปลผลคร่าวๆ ของเจ้าเครื่องตรวจชนิดนี้ครับ เมื่อพบผลการตรวจที่ผิดปกติแบบต่างๆ จะแปลผลได้ในลักษณะต่อไปนี้

1. การมองภาพระยะไกลผิดปกติ (Far vision) การมองภาพระยะไกลที่ไม่ชัดเจนนั้น สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือเกิดจากภาวะสายตาสั้น (Myopia) หรือจากภาวะสายตาเอียง (Astigmatism) หรือจากภาวะสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียงเกิดร่วมกันก็เป็นได้ ผลการตรวจจากเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยจะแยกการตรวจออกเป็น ตาซ้าย ตาขวา และสองตารวมกัน ทำให้แปลผลแยกแต่ละข้างได้ชัดเจน หากเกิดปัญหาการมองภาพระยะไกลไม่ชัด จากภาวะสายตาสั้นหรือสายตาเอียงนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการตัดแว่นสายตาให้เหมาะสมกับสายตาของตนเอง

แต่นอกจากภาวะสายตาสั้นและสายตาเอียงที่จะทำให้มองภาพระยะไกลได้ไม่ชัดเจนแล้ว ยังมีโรคในดวงตาอีกมาก ที่ทำให้เกิดอาการมองภาพระยะไกลได้ไม่ชัดเจนขึ้นเช่นกัน โรคที่ดวงตานี้อาจจะเกิดปัญหาได้ตั้งแต่ที่กระจกตา (Cornea) เช่น แผลเป็นที่กระจกตา (Corneal scar) กระจกตาโค้งผิดรูป (Keratoconus) ต้อเนื้อมาบดบังดวงตา (Pterygium) หรือเกิดปัญหาที่ช่องหน้าม่านตา (Anterior chamber) เช่น ภาวะเลือดออกในช่องหน้าม่านตา (Hyphema) ตาอักเสบจนเกิดหนองในช่องหน้าม่านตา (Hypopyon) หรือเกิดปัญหาที่เลนส์ (Lens) เช่น โรคต้อกระจก (Cataract) หรือเกิดปัญหาที่จอประสาทตา (Retina) เช่น โรคเบาหวานขึ้นตา (Diabetic retinopathy) จอประสาทตาอักเสบ (Retinitis) จอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age related macular degeneration) มะเร็งที่จอประสาทตา (Retinoblastoma) และโรคอันตรายอื่นๆ ในดวงตาอีกมากมาย เมื่อพบผลตรวจการมองภาพระยะไกลของพนักงานผิดปกติ หากเป็นไปได้ ควรให้แพทย์ที่เข้าไปตรวจสุขภาพในโรงงานทำการตรวจร่างกายโดยดูที่ดวงตาของพนักงานที่มีผลผิดปกติด้วย เมื่อแพทย์พบรายใดที่สงสัยจะมีภาวะผิดปกติอันตรายในดวงตา จะได้แนะนำให้ส่งตรวจยืนยันและทำการรักษากับจักษุแพทย์ต่อไป

2. การมองภาพระยะใกล้ผิดปกติ (Near vision) การมองภาพในระยะใกล้ที่ผิดปกติ คือเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนนั้น ก็มีลักษณะการแปลผลทำนองเดียวกับการมองภาพในระยะไกลผิดปกติ คือส่วนมากแล้วจะเกิดจากภาวะสายตายาว (Hyperopia) หรือจากภาวะสายตาเอียง (Astigmatism) หรือจากภาวะสายตาสูงอายุ (Presbyopia) ก็พบได้บ่อย การแก้ไขปัญหาการมองภาพระยะใกล้ผิดปกติจากปัญหาสายตายาว สายตาเอียง และสายตาสูงอายุนี้ สามารถทำได้โดยการตัดแว่นสายตาให้เหมาะสม

และเช่นเดียวกับปัญหาการมองภาพระยะไกล ปัญหาการมองภาพระยะใกล้ที่ผิดปกติ ไม่ชัดเจนนั้น นอกจากจะเกิดจากภาวะสายตายาว สายตาเอียง และสายตาสูงอายุแล้ว ยังอาจเกิดจากโรคอันตรายในดวงตาได้อีกหลายชนิด โดยเฉพาะยิ่งถ้ามีปัญหามองได้ไม่ชัดเจนทั้งภาพระยะไกลและภาพระยะใกล้ด้วย พนักงานที่ผลการตรวจมีความผิดปกติเหล่านี้ หากเป็นไปได้ ควรให้แพทย์ที่มาตรวจสุขภาพที่โรงงาน ทำการตรวจร่างกายโดยดูที่ดวงตารวมถึงซักประวัติเพื่อค้นหาโรค เมื่อแพทย์พบรายใดที่สงสัยจะมีภาวะผิดปกติอันตรายในดวงตา จะได้แนะนำให้ไปตรวจยืนยันและทำการรักษากับจักษุแพทย์ต่อไป

3. การมองภาพ 3 มิติผิดปกติ (Stereopsis) เป็นการตรวจเพื่อดูความสามารถในการมองภาพเห็นความลึก (Depth perception) ซึ่งในคนปกติจะมองภาพเห็นความลึกได้ ต่อเมื่อมีสายตาสองข้างที่เห็นชัดเจน และมีระบบการประมวลผลภาพจากสองตามารวมกันเป็นภาพ 3 มิติขึ้นในสมอง ปัญหาการมองเห็นความลึกจะเกิดขึ้นได้ หากมีการมองเห็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างไม่ชัดเจน เช่น มีภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง เป็นต้น การใส่แว่นเพื่อแก้ไขภาวะสายตาสั้นหรือสายตาเอียง จะทำให้แก้ไขปัญหาความผิดปกติในการมองเห็นความลึกจากสาเหตุนี้ได้ อย่างไรก็ตามการมองเห็นความลึกผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากอย่างอื่นได้อีก เช่น เป็นโรคตาขี้เกียจมาตั้งแต่เด็ก (Amblyopia) ซึ่งจะทำให้การประมวลผลภาพในสมองใช้ภาพจากตาเพียงข้างเดียว ก็จะทำให้การมองเห็นความลึกผิดปกติไปเช่นกัน แต่โรคตาขี้เกียจนี้หากพบตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

4. การมองภาพสีผิดปกติ (Color vision) การมองภาพสีที่ผิดปกติไป หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าภาวะตาบอดสี (Color blindness) สามารถคัดกรองได้ด้วยเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยเช่นกัน ภาวะตาบอดสีนี้ สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดจะเกิดจากภาวะพันธุกรรม คือเป็นมาตั้งแต่กำเนิด อย่างไรก็ตามหากพบผลตรวจคัดกรองการมองภาพสีจากเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยผิดปกติ แนะนำให้ทำการตรวจยืนยันกับแผ่นตรวจตาบอดสีมาตรฐาน เช่น แผ่นตรวจอิชิฮาร่า (Ishihara test) เพื่อยืนยันอีกครั้งด้วย

5. ความสมดุลกล้ามเนื้อตาผิดปกติ (Phoria) เป็นการตรวจเพื่อคัดกรองภาวะตาเขแบบซ่อนเร้น (Phoria) ภาวะตาเขหรือตาเหล่ (Strabismus) นั้น โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือภาวะตาเขที่เห็นได้ชัดเจน (Tropia) กับตาเขแบบซ่อนเร้น (Phoria) ภาวะตาเขที่เห็นได้ชัดเจนนั้น คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องทำการตรวจพิเศษใดๆ อยู่แล้ว แต่ภาวะตาเขแบบซ่อนเร้น คือภาวะที่มีตาเขแต่กล้ามเนื้อตายังสามารถปรับสมดุล ดึงตามาให้เท่ากันได้ในสภาวะการมองปกติ แต่การมองในบางมุมอาจพบว่าตาเขออกไป ภาวะนี้ต้องใช้การตรวจพิเศษจึงจะค้นพบ โดยเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถคัดกรองภาวะตาเขแบบซ่อนเร้น

การตรวจนั้นสามารถตรวจแยกได้ทั้งอาการเขในแนวระนาบ (Lateral phoria) และตาเขในแนวตั้ง (Vertical phoria) หากพบผลการตรวจความสมดุลของกล้ามเนื้อตาผิดปกติ ให้สงสัยว่าอาจมีอาการตาเขแบบซ่อนเร้น และหากมีอาการปวดตาหรือปวดศีรษะเมื่อต้องเพ่งอะไรนานๆ ร่วมด้วย ควรส่งพนักงานรายนั้นไปตรวจยืนยันและทำการรักษากับจักษุแพทย์

6. ลานสายตาผิดปกติ (Visual field) การตรวจลานสายตาในเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัยนั้น เป็นการตรวจแบบคร่าวๆ เพื่อประเมินดูว่าพนักงานยังมีลานสายตาที่กว้างเพียงพอต่อการทำงานบางอย่าง เช่น งานขับรถ ได้หรือไม่ การตรวจทำโดยให้ดูจุดไฟกระพริบที่ตำแหน่งริมด้านนอก (Temporal side) ตรง 55 , 70 และ 85 องศา กับด้านใน (Nasal side) ตรงตำแหน่ง 45 องศา ทำการตรวจแยกตาซ้ายกับตาขวาทีละตา ผลการตรวจภาวะลานสายตาที่ผิดปกตินี้ อาจบ่งบอกถึงภาวะอันตรายบางอย่างในดวงตาได้ ภาวะที่ทำให้เกิดความผิดปกติต่อลานสายตาที่เป็นอันตราย เช่น โรคต้อหิน (Glaucoma) หากพบผลการตรวจลานสายตาผิดปกติจากเครื่องตรวจสายตาอาชีวอนามัย ควรส่งตัวพนักงานไปพบจักษุแพทย์ เพื่อทำการวัดความดันลูกตา ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และทำการรักษาต่อไป Type rest of the post here

Read More...

>

Language Click Here เลือกแว่นกันแดดอย่างไร ?

แว่นกันแดดใช้กันแสงที่จ้าเกินไปเพื่อความสบายตาและกันแสงที่เป็นอันตรายจากแดด ได้แก่ รังสียูวี และรังสีต่าง ๆที่จ้าเกินไปจากธรรมชาติ ในท้องตลาดมีแว่นกันแดดมากมาย เกิดปัญหาว่าจะเลือกกันอย่างไร ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อแว่นกันแดด
1.ตัดแสงยูวีได้ 99 % ตามปกติทั้งเลนส์กระจกและเลนส์พลาสติกที่ใช้ทำแว่นตาจะกันรังสียูวีได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่การเติมสารบางตัวลงไปในกระบวนการผลิตเลนส์หรือการเคลือบผิวเลนส์จะทำให้เลนส์ตัดรังสียูวีได้มากขึ้น ในการเลือกแว่นกันแดดให้เลือกที่มีฉลากติดไว้ว่า กันยูวีได้ 99-100% หรือบางยี่ห้ออาจจะเขียนว่า ดูดยูวีได้ถึง 400 nm นั่นหมายถึงกันยูวีได้ทั้ง A B และ C
2.คุณภาพของเลนส์ ต้องตรวจดูให้แน่ว่าเลนส์ที่ทำแว่นกันแดดนั้นเป็นเลนส์ที่มีคุณภาพ ให้ภาพสม่ำเสมอ โดยวิธีทดลองง่ายๆ โดยมองผ่านวัตถุรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เช่น พื้นกระเบื้องผ่านเลนส์แว่นตาด้วยตาข้างหนึ่ง ขยับเลนส์ไปมาซ้ายขวา บนล่าง ถ้าพื้นกระเบื้องยังคงรูป เส้นตรงยังตรงดี แสดงว่าเป็นเลนส์ที่ใช้ได้ ถ้าเส้นไม่ตรง ภาพบิดเบี้ยว โดยเฉพาะตรงกลางเลนส์เป็นแว่นที่ใช้ไม่ได้

3.ทนต่อแรงกระแทก ต้องเป็นเลนส์ที่ทนต่อแรงกระแทกตามหลักของ FDA แม้ว่าคงไม่มีเลนส์อะไรที่รับประกันว่าไม่แตกแน่นอน แต่ต้องทนระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของสหรัฐ ตาม ANSI ต้องทนต่อลูกเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 5/8 นิ้ว ตกลงจากที่สูง 50 นิ้ว เมื่อมากระทบต้องไม่แตก ถึงจะถือว่าเป็นเลนส์ได้มาตรฐาน หรือใช้ลูกเหล็กขนาด 4 นิ้วยิงเข้าหาเลนส์ด้วยความเร็ว 150 ฟุตต่อวินาที เลนส์ต้องไม่แตก เลนส์พลาสติคน่าจะทนกว่าแก้ว แว่นกันแดดส่วนใหญ่ทำจากพลาสติค โดยเฉพาะถ้าเป็นพลาสติคชนิด polycarbonate ซึ่งนิยมใช้ในแว่นใส่เพื่อเล่นกีฬา จะเหนียวและทนกว่าพลาสติคธรรมดาถึง 5 เท่า ทนกว่าอลูมิเนียม อีกทั้งทนต่อสารเคมี แต่มีข้อเสียตรงที่มีรอยขีดข่วนได้ง่าย การเข้ากรอบทำได้ยาก งอได้ง่าย ต้องระวังในการดูแลรักษา วิธีทำความสะอาดที่ดีต้องทำให้เปียกชื้นก่อนแล้วค่อยเช็ดด้วยผ้านุ่มๆ

4. เลนส์ Polaroid ซึ่งตัดแสงสะท้อน โดยเฉพาะแสงแดดที่กระทบกับผิวถนน ผิวน้ำ หน้าต่างรถ จะถูกตัดออกด้วยเลนส์ Polaroid เหมาะสำหรับนักแข่งรถ นักตกปลา แต่โดยทั่วไปเลนส์ชนิดนี้ไม่เกี่ยวกับแสง UV ยกเว้นที่นำไปเคลือบด้วยสารกัน UV ด้วย ถ้าไม่ระบุว่ากัน UV จะเป็นเลนส์ที่ตัดแสงสะท้อนไม่เกี่ยวกับ UV

5. ความเข้มของสีเลนส์ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในที่แจ้งมากขนาดไหน สามารถปรับความเข้มต่างๆ ได้ และความเข้มไม่ได้บ่งถึงความสามารถในการกัน UV

6. Photochromic lens เป็นเลนส์ที่เมื่อถูกแสงจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เมื่ออยู่ในที่มืดสีจะจางลง เพราะมีสาร Silver halide ซึ่งจะกลายเป็นสีเงินและ halogen เมื่อถูกแดด สีจึงเข้ม แต่ถ้าอยู่ในที่มืดจะจับกันเป็น Silver halide สีจะจางลง ใช้เวลาครึ่งนาทีจะเปลี่ยนสีเข้ม แต่ 5 นาทีในการรอสีให้จางลง (ต้องไม่ลืมที่จะดูสลาก ของแว่นตาชนิดนี้ที่ต้องบอกว่ากันแสง UV ด้วยถึงจะใช้ได้)

7. รูปร่างของกรอบ ถ้าเป็นกรอบแว่นที่โค้งมาด้านข้างด้วย (wraparound) ซึ่งจะกันแสงเข้าด้านข้างได้ดี น่าจะป้องกันรังสี UV ได้ดีกว่า

8. เลนส์ที่มีสีเข้มจางลดหลั่นกันลงมาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ใช้ เช่น บน ล่าง สีเข้ม ตรงกลางสีจางอาจ จะเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบหรือสกี ตัดแสงจากดวงอาทิตย์และแสงสะท้อนจากผิวน้ำแต่ตรงกลางใส เป็นต้น

9. Mirror Coated ทำเป็นแผ่นบางๆ เคลือบบนเลนส์ลดแสงจ้าลง แต่ไม่เกี่ยวหรือไม่ได้ลด UV

10. แว่นที่กันแสงเฉพาะ infrared แสง infrared ที่เรามองไม่เห็น มันก่อให้เกิดความร้อน แสงอาทิตย์มี infrared น้อย ประโยชน์ในการใช้กันแดดจึงไม่มากนัก น่าจะเหมาะกับช่างเป่าแก้วหรือเครื่องมือที่มีรังสี infrared ออกมามาก ทำให้เกิดต้อกระจกและอันตรายต่อจอตาได้

11. Blue block เลนส์ติดสีน้ำเงิน จะมีสีอำพันออกสีเหลือง ดูดซับคลื่นสั้นได้ดี ทำให้มองวัตถุรอบๆ เป็นสีเหลืองออกส้ม ในชั้นบรรยากาศมีแสงคลื่นสั้นมาก เลนส์นี้ดูดซับไว้มาก ทำให้วัตถุไกลๆ เห็นชัดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มีหิมะหรือหมอก แว่นกันแดดสีนี้จึงมักใช้ในนักเล่นสกี นักล่าสัตว์ นักเล่นเรือ และนักบิน

12. เลนส์สีต่างๆ ในปัจจุบันการนำเลนส์สีมาใช้มักทำกันเพื่อความสวยงาม ตามแฟชั่นมากกว่าความเข้มที่ต่างกันของสีไม่ได้บ่งถึงความสามารถตัดแสง UV หากจะนำมาทำเป็นแว่นกันแดด

13. ควรคำนึงและเลือกสีของเลนส์ที่เปลี่ยนสีวัตถุน้อยที่สุด เพื่อจะได้เห็นสีไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะไฟจราจร
เลนส์สีเทา อาจทำให้สีเข้มขึ้นเพื่อตัดแสงจ้าออก ไม่ว่าสีเข้มเท่าไรจะซับแสง UV ได้มากถึง 98% รวมทั้งแสง infrared ได้เกือบหมด เป็นเลนส์สีที่ซับแสงคลื่นสีต่างๆ เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เห็นสีไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เหมาะสำหรับใช้ขับรถเพราะไม่เปลี่ยนสีไฟจราจร บางคนก็ว่าเหมาะสำหรับคนตาบอดสีเพราะไม่ทำให้สีสับสนมากขึ้น
เลนส์สีเหลือง เป็นสีที่ซับแสงคลื่นสั้นได้ดี รวมทั้งสีน้ำเงินและซับแสง UV ได้ 100% เหมาะกับการมองผ่านหมอก นิยมใช้ในนักล่าสัตว์ แต่อาจบิดเบือนสีวัตถุได้
เลนส์สีน้ำตาล คล้ายเลนส์สีเหลืองตัดแสงคลื่น UV และคลื่นสั้นได้ดี บางคนว่าสีน้ำตาลจะเพิ่ม contrast ได้ดีขึ้น
เลนส์สีเขียว คล้ายเลนส์สีเทา แต่ดูดซับ infrared ได้ ไม่ดีเท่า อีกทั้งบิดเบือนสีที่เห็น
เลนส์สีชมพู มีคุณสมบัติคล้ายเลนส์ใส บางคนว่า ถ้าสีเข้มอาจทำให้สบายตาขึ้นบ้าง
Type rest of the post here

Read More...

>

Language Click Here วิธีดูแว่นตา Ray-Ban ของแท้ ด้วยตนเอง แบบละเอียด

เนื่องจาก Ray-Ban ในปัจจุบัน มีของ COPY ในตลาดมากมาย และมัน COPY ได้
เหมือนมากๆ ไม่มีทางที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ จะตรวจสอบได้เลย วันนี้เราเลย
มา แนะนำวิธีดู Ray-Ban ของแท้ ว่าต้องตรวจสอบอะไรบ้าง
Type rest of the post here

วิธีสังเกตความแตกต่างระหว่าง Ray Ban ของแท้ กับ ของปลอม 
1. การดูสกรีนสีขาวนั้น ทำได้ยากเพราะสินค้าปลอมก็สามารถทำให้เหมือนมาก แต่ก็สามารถไว้เป็นส่วนประกอบโดยการดูลักษณะ ว่ามีลักษณะที่ถูกต้องหรือไม่ จากขนาด ลักษณะ Font ความคมของสีสกรีน เป็นต้น
2. การดูจากสัญลักษณ์ RB ที่มุมเลนส์ เนื่องจากสัญลักษณ์ RB นั้นมีหลายแบบ ซึ่งมีดังนี้
2.1 กรีดเนื้อเลนส์ด้านหน้า ซึ่งจะมีจำแนกออกเป็นแบบ หนา บาง และบางมาก(ซึ่งแบบบางมากเป็นแบบล่าสุด จะมองเกือบไม่เห็น)

2.2 กรีดเนื้อเลนส์ด้านใน ซึ่งจะมีจำแนกออกเป็นแบบ บาง และบางมาก แต่มีลักษณะกลับด้านโดยถ้ามองจากด้านนอกก็จะมอง เป็น RB แต่ประเดนสำคัญ : คือทุกแบบ ต้องมีลักษณะกรีดลงไปในเนื้อเลนส์ โดยไม่สามารถขูดออกได้หรือ ถ้าสองดูแล้วเอานิ้วลูบ ก็จะสะดุดนิ้วได้ แต่สินค้าปลอมก็มีลักษณะการปลอมการกรีดในเนื้อเลนส์ได้เหมือนกัน แต่ลักษณะ ขนาด และความคมชัดอาจไม่เหมือนกัน ถ้าต้องการจำแนกด้วยวิธีนี้ผู้ที่ศึกษาต้องรู้จักชนิดของสัญลักษณ์เป็นอย่างดี

Read More...

>

การดูแลถนอมดวงตา
           ดวงตาเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้า รับหน้าที่หลักคือทำให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว เราทุกคนมีดวงตาคนละสองดวงสำหรับใช้งานไปตลอดชีวิต เราคงอยากใช้ดวงตาของเรามองเห็นได้ดีไปให้นานที่สุด ดังนั้น การถนอมดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ คำถามคำตอบต่อไปนี้ จะช่วยเราให้สามารถปฏิบัติตัวได้ดี
• ข้อควรปฏิบัติในการดูแลสุขภาพดวงตา
1. หมั่นรับการตรวจตาเป็นประจำโดยจักษุแพทย์
- สำหรับเด็ก ควรพบจักษุแพทย์อย่างน้อยในช่วงอายุ 3-5 ขวบก่อนเข้าโรงเรียน และหลังจากนั้นเป็นประจำในแต่ละช่วงระดับชั้น หรือเมื่อมีปัญหาเรื่องมองเห็นไม่ชัดซึ่งอาจเกิดจากปัญหาสายตา
- สำหรับผู้สูงอายุ เกิน 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจตาปีละ 1 ครั้ง
- ในกรณีพิเศษที่ต้องได้รับการตรวจตาบ่อยขึ้น ได้แก่ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน หรือมีประวัติโรคตาในครอบครัว เช่น ต้อหิน มะเร็งจอประสาทตา เป็นต้น
2. ควรสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อออกแดดหรือต้องใช้สายตาในที่มีแสงมากเพื่อป้องกันโรคตาบางชนิด (ดูเรื่องการเลือกแว่น)
3. ควรสวมแว่นป้องกันการกระแทก (protective eye glass) เมื่อต้องทำงานประกอบอาชีพบางชนิด หรือเล่นกีฬาบางอย่าง (ดูเรื่องการเลือกแว่น)
4. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าอย่างครบถ้วน (ดูเรื่องอาหารกับดวงตา)
• การเลือกแว่น
เราควรสวมแว่นไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่เพราะการสวมแว่นที่เหมาะสม สามารถทำให้เรามีสุขภาพดวงตาที่ดี และยังป้องกันการสูญเสียดวงตาที่เรารักได้อีก แว่นที่ควรสวมมีดังนี้
1. แว่นกันแดด
2. แว่นป้องกันดวงตา
แว่นกันแดด• ทำไมจึงต้องสวมแว่นกันแดด
ปัจจุบันเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า แสงแดดโดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเล็ต (ultraviolet-UV) มีผลต่อดวงตาในระยะยาว จะทำให้เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อชั้นต่างๆของดวงตา ตั้งแต่ชั้นนอกสุดไปจนถึงชั้นในสุด โรคตาที่เกิดจากการทำลายของแสงได้แก่ ต้อลม ต้อเนื้อ กระจกตาเป็นฝ้า ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรและมีแสงแดดตลอดทั้งปี ดังนั้น ควรสวมแว่นกันแดดไว้เมื่อออกจากบ้าน ไม่เพียงเฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่ต้องสวม แต่ควรสวมแว่นให้เด็กด้วย

รูปแสดงคลื่นแสงที่มองเห็น (Visible Light) และแสงอัลตราไวโอเล็ต (Ultraviolet light) ที่อันตรายต่อดวงตา

Type your summary here

• เคล็ดลับในการเลือกแว่นกันแดด
- แว่นที่ดีควรกันแสง UV-A และ UV-B อย่างน้อย 99-100 เปอร์เซ็นต์ และกันแสงทั่วไปได้อย่างน้อย 75-90 เปอร์เซ็นต์
- แว่นชนิด polarizing filter สามารถให้ภาพที่คมชัดขึ้นและป้องกันแสงได้ดี
- อย่าเลือกแว่นราคาถูก เพราะอาจมีคุณภาพไม่ดี ไม่สามารถกรองแสงได้
- อย่าเชื่อสติกเกอร์ที่ติดไว้ข้างแว่น หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาช่างแว่นที่ไว้ใจได้ ร้านแว่นบางร้านจะมีเครื่องเช็คเปอร์เซ็นต์การกรองแสง UV ซึ่งสามารถขอเช็คซ้ำได้
- สวมแว่นกันแดดแล้วส่องกระจก หากคุณสามารถมองเห็นดวงตาของคุณเองผ่านเลนส์ แสดงว่า เลนส์อาจไม่เข้มพอที่จะกรองแสงได้
- หากใช้แว่นสี ควรเลือกสีโทน เทา น้ำตาล หรือเขียว เพื่อให้สามารถมองเห็นสีได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ผิดเพี้ยน อย่าเลือกสีแดง น้ำเงิน เพราะอาจทำให้แสงความยาวคลื่นที่อันตรายสามารถผ่านเข้าสู่ดวงตาได้
- เช็คคุณภาพของเลนส์โดยถือเลนส์ในระยะห่างเท่าความยาวของแขน มองผ่านเลนส์ไปยังวัตถุไกลออกไปที่เป็นเส้นตรง เช่น กรอบประตู เสา แล้วลองเคลื่อนเลนส์ผ่านเส้นตรงที่เห็น หากมองเห็นเส้นบิดเบี้ยวไปมา แสดงว่าเนื้อเลนส์ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้คุณภาพ
แว่นป้องกันดวงตา• ทำไมจึงต้องสวมแว่นป้องกันดวงตา
เนื่องจากในแต่ละปี อุบัติเหตุกับดวงตาที่เกิดจาก งานบ้าน การปฏิบัติงานที่ทำงาน หรือจากการกีฬานั้นพบได้มาก และเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวร ดังนั้น การสวมแว่นป้องกันดวงตาจึงเป็นสิ่งจำเป็น
• งานชนิดไหนบ้างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา
- งานบ้านเช่น งานไม้ ตอกตะปู การใช้เครื่องตัดหญ้า มีความเสี่ยงที่วัตถุชิ้นเล็กจะกระเด็นด้วยความเร็ว และความแรงเข้ามาในดวงตา
- งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมี กรด ด่าง
- งานที่เกี่ยวข้องกับคลื่นแสงอันตราย เช่น งานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมที่มีการใช้เลเซอร์ หรือรังสีต่างๆ
- การเล่นกีฬาบางชนิดที่อุปกรณ์ที่เล่นอาจเข้ามาชนดวงตาได้ เช่น เทนนิส สควอช แบดมินตัน กอล์ฟ ฮอคกี้ เบสบอล
• จะป้องกันได้อย่างไร - ระวังจะเกิดอุบัติเหตุซึ่งมีโอกาสเกิดได้ทั้งในที่ทำงาน และที่บ้าน ในชีวิตประจำวัน
- ศึกษามาตรการความปลอดภัยที่มาควบคู่กับอุปกรณ์ทุกชนิด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- สวมแว่นป้องกันดวงตาเสมอ
- สำหรับเด็กเล็กๆ ควรระวังไม่ให้เล่นของเล่นที่มีโอกาสเข้าตาได้ เช่น วัตถุมีคม ปลายไม้ ดินสอ ปืนอัดลม เป็นต้น
• จะใช้แว่นชนิดไหนป้องกัน
เลนส์ที่มีคุณสมบัติป้องกันการกระแทกได้แก่ เลนส์ชนิดโพลีคาร์บอเนต (polycarbonate lens) ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความเหนียวและทนต่อแรงกระแทกได้สูง นอกจากนั้นเลนส์ชนิดนี้หากแตกก็จะไม่กระจายเป็นชิ้น เล็กๆที่จะเข้าสู่ดวงตาได้ เลนส์ชนิดนี้ราคาไม่แพง บางครั้งจะทำเป็นเลนส์กันแดดในตัว สามารถถามหาได้ตามร้านแว่นใหญ่ทั่วไป
การบริหารกล้ามเนิ้อตา (Eye Exercises)การบริหารหรือการออกกำลังกล้ามเนื้อตาจำเป็นสำหรับบุคคลต่อไปนี้เท่านั้น
1. ไม่สามารถโฟกัสภาพเมื่ออ่านหนังสือ
2. มองเห็นภาพซ้อน (ในบางกรณี)
3. ตาเข ไม่ว่าจะเขออกนอกหรือเข้าใน
4. หลังรับการผ่าตัดดวงตา แพทย์จะใช้เพื่อช่วยคงการมองเห็นหรือช่วยให้ดวงตาตรง ไม่เขออก
5. มีภาวะตาขี้เกียจ
การบริหารกล้ามเนื้อดวงตามีหลายวิธี โดยสรุปมักจะประกอบด้วยการบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆที่อยู่รอบดวงตาและทำหน้าที่กลอกดวงตาไปมาโดยการบริหารจะช่วยให้ฝึกให้การเคลื่อนไหวของดวงตา และการรับภาพที่สมองเป็นไปอย่างสัมพันธ์กัน ตัวอย่างการบริหาร เช่น
- ใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง และใช้ตาที่เหลือจ้องมองที่วัตถุที่ต่างๆ ใกล้ ไกล
เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
- เปิดตาสองข้าง มือถือปลายดินสอหรือปากกายืดออกเท่าความยาวช่วงแขน บังคับดวงตาให้จ้องมองที่ปลายปากกาโดยให้เห็นเป็นจุดๆเดียว แล้วค่อยๆเคลื่อนปลายปากกาเข้าใกล้ดวงตาขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกัน บังคับให้ดวงตาทั้งสองข้างมองตามมาและให้เห็นเป็นจุดเดียว ไม่ให้เกิดเป็นภาพซ้อนจนใกล้ดวงตามากที่สุด ทำเช่นนี้อย่างน้อย 10-20 ครั้งเป็นประจำทุกวัน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อในการมองใกล้ และช่วยให้ดวงตาตรงไม่เขออก
อาหารบำรุงดวงตา
สารอาหารที่มีคุณค่ากับสายตา ช่วยป้องกันโรคตาได้ มีดังต่อไปนี้
1. กลุ่มที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ป้องกันโรคจอตาเสื่อม โรคต้อกระจก ไม่เพียงเท่านั้น อาจป้องกันโรคอื่นได้อีก เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน และโรคมะเร็ง เป็นต้น สารอาหารที่มีปริมาณครบถ้วนเช่นนี้ไม่สามารถรับประทานจากอาหารได้อย่างเดียว จำต้องรับประทานเสริม สารเหล่านี้ได้แก่
- วิตะมินซี วันละ 500 มิลลิกรัม
- วิตะมินอี วันละ 400 IU
- เบตาแคโรทีน วันละ 15 มิลลิกรัม
- สังกะสี (zinc oxide) วันละ 500 มิลลิกรัม
- ไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid)
2. กรดไขมันชนิด Omega-3 ช่วยรักษาอาการตาแห้ง และโรคหัวใจ หลอดเลือด ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเร็งหลายชนิด เนื่องจากเป็นต้นกำเนิดของกรดไขมันอิสระสองชนิดคือ EPA และ DHA ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สารเหล่านี้ได้จากปลาบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน แมคเคอเรล ซาร์ดีน ซึ่งควรรับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
นอกจากนั้นเราสามารถบริโภคสาร ALA ซึ่งร่างกายจะสามารถเปลี่ยนไปเป็น EPA และ DHA ได้เอง สาร ALA พบใน น้ำมัน flaxseed ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง เมล็ดวอลนัท เมล็ดฟักทอง
3. สาร lutein และ zeaxanthin เป็นกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งทำให้พืชมีสีเหลือง สารเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคต้อกระจก และโดยเฉพาะโรคจอตาเสื่อมไม่เพียงป้องกันเท่านั้น แต่สามารถรักษาได้ด้วย
สารเหล่านี้มีมากในผักใบเขียว ควรได้รับ lutein 20 มิลลิกรัมต่อวัน และ zeaxanthin 6-10 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรือสามารถรับประทานเป็นเม็ดเสริมได้

Read More...

>

Language Click Here คำแนะนำก่อนเลือกซื้อแว่นกันแดด

เงียบหายและห่างเหินไปนานนานมาก สำหรับการอัพเดทเนื้อหาและสาระข่าวสาร วันนี้ได้อ่านเจอเนื้อหาที่คาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับบล๊อคที่จัดทำก็เลยอยากจะนำมาฝาก สำหรับท่านที่ห่วงใยและใส่ใจในสุขภาพซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับแว่นกันแดดและการดูแลสุขภาพสายตา เริ่มจากมาทำความรู้จักแว่นตาเรย์แบนในอดีต ทุกคน รู้จักแว่นกันแดดRay-Ban™ ในรูปทรงMc.ARTHUR ซึ่งประดิษฐ์และออกแบบโดย ร้อยเอกJohn Mc.Cready ในปี คศ.1930 และผลิตโดยบริษัทBausch & Lomb ®(New York) เพื่อใช้ใส่กรองแสงแดด ป้องกันรังสีที่เป็นอันตรายต่อดวงตา จุดเริ่มของความโด่งดังเพราะมี พรีเซ็นเตอร์เป็นคนสำคัญของโลก คือ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพสหรัฐอเมริกา…นายพล ดั๊กกลาส แม็คอาเธอร์ ในยุคสงตรามโลกครั้งที่2 และเป็นที่ครองใจของประชากรโลกมาตลอดติดต่อกันเกือบห้าสิบปี

และในปัจจุบัน..ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ดารา และศิลปิน ที่มีกิจกรรมกลางแดดจะต้องเลือก WAYFARER ®มาสวมใส่ ต่อมา..คนหล่อ สาวสวย หรือผู้คนทั่วไปเริ่มยอมรับในการออกแบบของรูปทรงที่มีเสน่ห์นี้ ทุกห้าง ทุกแผงลอยจะมีโชว์และจำหน่าย ของแท้ เทียมหรือเลียนแบบ มีมากมายให้เลือกทุกสี ทุกลาย เต็มไปหมด   Wayfarer เป็นแบบแว่นกันแดดที่ขายดีมากที่สุดแบบหนึ่งของRay Ban ซึ่งออกแบบขึ้นมาโดย Raymond Stegeman นักออกแบบจากบริษัท Bausch and Lomb (บริษัทแม่ของ Ray Ban) ในปี 1952ซึ่งในยุคนั้นได้ดาราฮอลลีวู๊ดชื่อดังสวมใส่ออกงานต่างๆอย่างเช่น Marilyn Monroe, Audrey Hepburn, และ James Dean ทำให้แว่นกันแดดWayfarer ได้รับความนิยมแบบสุดๆเลยทีเดียวครับ ปัจจุบัน Wayfarer ได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่งจากดาราฮอลลีวู๊ดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่างเช่นLindsay Lohan, Kirsten Dunst, Tom Cruise และอีกหลายๆคน...

แว่นกันแดด เสื้อเกราะของดวงตา

แสง แดด เป็นพลังงานธรรมชาติที่ให้ประโยชน์คุณาประการ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ภายในบ้าน จนถึงงานประดิษฐ์เพื่อสิ่งแวดล้อมระดับชาติ แต่อย่างไรก็ดีเปลวแดดที่แผดเผาเหล่านี้ก็มีโทษต่อมนุษย์ เป็นอันตรายต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง หรือแม้กระทั่งดวงตาก็ต้องแบกรับภาระความเสี่ยงนี้ไม่แตกต่างกัน
จากลักษณะภูมิประเทศนั้น ประเทศไทยของเราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรทำให้โดยรวมจะได้รับแสงแดดมากโดยเฉพาะเวลาจาก 10 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 4 โมง และเมื่อบวกกับช่วงเวลาที่ประเทศไทยหันหน้าตรงกับดวงอาทิตย์ในฤดูร้อนก็ยิ่ง ทำให้ดีกรีความร้อนพุ่งสูงขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการเพิ่มการป้องกันแสงแดดให้มากขึ้นนั่นเอง
สำหรับ วิธีการลดอัตราเสี่ยงทางด้านร่างกาย และผิวหนังนั้น นอกจากจะหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ใช้ร่ม หรือหมวกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และควรทาครีมกันแดดทาทุกครั้งที่จะออกแดด โดยเลือกตัวเลขค่าป้องกันแสงแดดที่เรียกว่า SPF สูงเกิน 15 เพื่อจะได้ป้องกันแสงแดดอย่างเต็มที่
ส่วน ดวงตาก็เช่นกัน กล่าวคือให้หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับดวงอาทิตย์โดยตรง และถ้าให้ดีควรหาแว่นตากันแดดมาสวมใส่ทุกครั้งที่ออกสู่กลางแจ้ง ซึ่งข้อดีของแว่นตากันแดด ไม่เพียงลดระดับแสงที่มากระทบดวงตาให้น้อยลงเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เยื่อบุของตาผิดปกติ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคตาต้อเนื้อ ต้อกระจก และเร่งความเสื่อมสมรรถภาพของจอตาได้
ปัจจุบัน มีแว่นกันแดดให้
เลือกมากมาย แต่จุดสำคัญนั้นอยู่ที่การเลือกเลนส์ ซึ่งมาตรฐานขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้กำหนดไว้ว่า แว่นกันแดดที่ได้มาตรฐานในการป้องกัน รังสีอุลตร้าไวโอเลตนั้น อย่างน้อยต้องสามารถป้องกัน 95% ของ UV-A และ 99% ของ UV-B ไม่ให้ผ่านเลนส์เข้าสู่ดวงตาได้เลนส์ แต่ละประเภทก็มีประโยชน์และการใช้งาน ที่แตกต่างสถานะกัน ยกตัวอย่าง เลนส์โพลารอยด์ นั้นมีส่วนผสมที่เรียกว่า โพลาไรซ์เพลตซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันแสงสะท้อนทำให้มองแล้วไม่รู้สึกถึงความพร่ามัว และยังช่วยตัดแสงที่ทำมุม 45 องศาที่เข้ามากระทบกับดวงตาได้อีกด้วย ซึ่งเลนส์ประเภทนี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดจ้าเป็นเวลานานๆ เช่น คนขับรถ เล่นกีฬา หรือทำงานกลางแจ้ง
ส่วนเลนส์สีน้ำตาลและสีอำพัน จะเหมาะกับสภาพแดดจ้า แบบชายทะเล หรือแดดบนภูเขา เลนส์สีนี้จะช่วยให้มองเห็นโครงร่างต่างๆ ของวัตถุได้อย่างชัดเจน มองสีและแสงดูได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ในวันที่บรรยากาศขมุกขมัวมีหมอกจัด แว่นชนิดนี้จะทำหน้าที่เสมือนไฟตัดหมอกของรถยนต์ ทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจนขึ้น ใน ขณะที่โทนสีสดใสอย่าง เลนส์สีชมพูกุหลาบ สีเหลือง และสีเขียว ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับใบหน้าผู้สวมนั้นก็สามารถช่วยกรองแสง และใช้ได้ดีกับการเล่นกีฬากลางแจ้งเช่นกัน
เลนส์โพลาไรซ์ (Polarize ) คืออะไร
เลนส์โพลาไรซ์ เป็นเลนส์ที่ช่วยตัดแสงสะท้อนในแนวราบครับ เช่นแสงที่สะท้อนจากกระจกรถยนต์ บางส่วน การตัดแสงจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับมุมของดวงอาทิตย์ ที่ทำกับวัตถุที่สะท้อนแสงออกมา เช่นเมื่อมองกระจกใสที่หน้าร้านค้าในตอนกลางวัน บางทีจะเห็นเงาของวัตถุที่ อยู่ด้านหน้าเช่น คน รถยนต์ ต้นไม้ สะท้อนอยู่ในกระจก แต่พอใส่แว่น เลนส์โพลาไรซ์ แล้วจะสามารถมองทะลุไปได้โดยไม่มีแสงสะท้อน ผลพลอยได้ข้างเคียงที่เพิ่มมาก็คือจะเห็นต้นไม่มีใบสีเขียวมากขึ้น และฟ้าจะเป็นสีฟ้าเข้มครับ
เลนส์ปรับแสง
Ray Ban Shooter Gold Frame 62mm
Auto lenses. Made in USA in the 1985

เลนส์ ปรับแสงเป็นเลนส์ที่สามารถเปลี่ยนความเข้มของสีเลนส์ได้ตามควา มเข้มของแสง ที่ได้รับ และสีของเลนส์จะจางลงเมื่อเข้ามาสู่ที่ร่มเพราะในเนื้อวัสดุของเลนส์จะผสม สารซิลเวอร์ฮาไลด์ ซึ่งไวต่อแสงแดด และรังสี UV เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งควบคู่กับการทำงานในออฟฟิศ และผู้ที่ต้องการใส่แว่นอันเดียวตลอดเวลา รวมทั้งยังสามารถใช้เป็นเลนส์แก้ไขปัญหาสายตาและเป็นแว่นกันแดดได้ในเวลา เดียวกัน

- ปรับเปลี่ยนสีได้เข้มมากน้อยขึ้นอยู่ความเข้มของแสง

- เปลี่ยนสีให้จางลง เมื่อเข้ามาในร่ม 15 วินาที

- ปรับเปลี่ยนสีได้ทั้งสีเทา , สีชา

- สามรถป้องกันรังสี UV จากแสงแดด

- เพิ่มคุณสมบัติพิเศษได้ โดยเคลือบสาร MULTICOATED

- มีทั้งเนื้อวัสดุกระจกและพลาสติก

Ray Ban Vintage GoldFrame Standard 58mm
Auto lenses. Made in USA in the 1989
สีเลนส์มีประโยชน์อย่างไร
1. สีเทา - ให้ความรู้สึกสบายตา - ลดความจ้าของแสง

2. สีควันบุหรี่ - ให้ความรู้สึกสบายตา - ลดความจ้าของแสง

3. สีเขียว - ช่วยผ่อนคลายการเพ่งให้ตา

4. สีน้ำตาล - ไม่ช่วยลดความจ้าของแสง เลือกสีเลนส์ที่เหมาะกับการแต่งกาย
BLUE
สีฟ้าใสสร้างความรู้สึกคล่องแคล่ว สดใส
เสริมสร้างบุคลิกของผู้ประสบความสำเร็จให้โดดเด่น
เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัวโทนสีฟ้า ม่วง ชมพู หรือเทา
PURPLE
เน้นความรู้สึกโก้หรู สง่างาม
ช่วยอำพรางริ้วรอยไม่พึงปรารถนารอบดวงตา
เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัวโทนสีฟ้า ม่วง ชมพู หรือตามแฟชั่น





PINK
ให้ความนุ่มนวล เปล่งปลั่ง แก่บริเวณรอบดวงตา
ช่วยอำพรางความลึกของดวงตา และริ้วรอยตามธรรมชาติ
เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัวโทนสีฟ้า ม่วง ชมพู หรือเทา
BROWN
ให้ความเป็นธรรมชาติ
เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส และเวลา
เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัวโทนสีน้ำตาล เขียว ส้ม หรือเทา
GRAY
เสริมสร้างบุคลิกให้แลดูเข้มแข็ง และหลักแหลม
เหมาะกับกิจกรรม กีฬา ธุรกิจ และโอกาสต่าง ๆ
เข้าได้กับการแต่งกายในทุก ๆ สี
GREEN
ให้เอกลักษณ์เฉพาะตัว
เหมาะกับการเล่นกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง
เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัวโทนสีน้ำตาล เขียว เหลือง ส้ม หรือเทา 2 กลุ่มสีร่วมสีสันแฟชั่นชาย สีร่วม คือปัจจัยสำคัญสำหรับแฟชั่นชาย ที่เหมาะกับการแต่งตัวไม่ว่าอย่างเป็นทางการ หรือตามสบาย
BLUE & GRAY
ให้ความรู้สึกคล่องแคล่ว หลักแหลม เต็มไปด้วยความสำเร็จ
BROWN & GRAY GREEN & GRAY
เสริมสร้างบุคลิกให้เคร่งขรึม แต่โก้หรู ทุกโอกาสและเวลา
คำแนะนำก่อนเลือกซื้อแว่นกันแดด
แสงสว่างช่วยให้นัยน์ตาของมนุษย์ สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ แต่ก็สามารถทำอันตราย ต่อนัยน์ตามนุษย์ ได้เช่นเดียวกัน รังสีอุลตร้าไวโอเลต UV ในแสงสว่าง มีส่วนสำคัญในการทำลายกระจกตา (cornea) และเรตินา (retina) เช่นเดียวกับแสงที่มีความสว่างมากเกินไป อาจทำให้ผู้มองเกิดอาการตาบอดชั่วคราวหรือถาวร การสวมแว่นกันแดดเป็นวิธีหนึ่ง ในการป้องกันนัยน์ตาเราจากอันตรายดังกล่าวนี้ได้ ปัจจุบันแว่นกันแดด มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป สนนราคาแตกต่างกัน ตั้งแต่อันละไม่กี่สิบบาทที่วางขายตามแผงแบกะดิน เรื่อยไปจนถึง แว่นอันละหลายพันบาท ที่ขายในห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายแว่น เชื่อว่าหลายท่าน คงสงสัยว่าอะไร ทำให้ราคาแตกต่างกัน และแว่นกันแดดราคาแพงมีคุณภาพดีกว่าแว่นราคาถูกๆ อย่างที่โฆษณากันจริงหรือไม่
แว่นกันแดดที่ดีควรมีลักษณะเป็นอย่างไร? แว่นกันแดดมีหน้าที่ป้องกันนัยน์ตา จากสิ่งต่อไปนี้ รังสีอุลตร้าไวโอเลต แสงที่มีความเข้มสูง แสงจ้า (glare) ที่เกิดจากการสะท้อน ของแสงบนผิววัสดุ ที่มีความมันวาว และอาจทำให้เกิดอาการตาพร่าชั่วขณะ รวมถึงเพิ่มความตัดกัน (contrast) ของการมองเห็นในบางภูมิประเทศด้วย แว่นที่ดีควรมีสมบัติดังกล่าวนี้ ครบถ้วนหรือมากที่สุด แว่นกันแดดที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากจะไม่ช่วยป้องกัน นัยน์ตาของคุณแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น เช่น แว่นกันแดดบางชนิด อาจป้องกันได้เฉพาะแสงสว่าง แต่ไม่ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต เมื่อสวมแว่นชนิดนี้ ม่านตาจะสามารถเปิดรับแสงมากขึ้น ซึ่งทำให้รังสีอุลตร้าไวโอเลต เข้าสู่นัยน์ตามากขึ้นตามไปด้วย โดยทั่วไป หลักใหญ่ๆ ในการเลือกซื้อแว่นกันแดด ได้แก่
วัสดุที่ใช้ทำเลนส์ ปัจจุบันมีทั้งเลนส์แก้วและเลนส์พลาสติก เช่น เรซินแข็ง โพลิคาร์บอเนต เลนส์พลาสติก มีน้ำหนักเบา และทนต่อการกระแทก ได้ดีกว่าเลนส์แก้ว แต่มีความแข็งต่ำ เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย จึงต้องมีการเคลือบผิว เพื่อป้องกันการขีดข่วน ซึ่งทำให้ราคาสูงขึ้น คุณภาพเชิงทัศนศาสตร์ เลนส์ที่ดีต้องไม่ทำให้เกิดความบิดเบี้ยว หรือกระจายสีรุ้ง วิธีการตรวจสอบ ความบิดเบี้ยวทำได้ง่ายๆ โดยการจ้องมองเลนส์ข้างหนึ่ง ไปยังภาพวัตถุที่เป็นเส้น (เช่น แนวเส้นกระเบื้องปูพื้น) จากนั้นขยับแว่นช้าๆ เลนส์ที่ดีต้องไม่ทำให้เส้นตรงดังกล่าว เกิดการคดงอในขณะที่ขยับแว่น การตัดแสง ปัจจุบันสามารถผลิตเลนส์ที่สามารถลดความเข้มแสงได้สูงถึง 97% ซึ่งเหมาะกับการใช้งาน ที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่มีความสว่างมาก เช่น นักปีนเขา
หรือผู้เล่นสกีหิมะ สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป เช่น การเดินเล่นตามชายหาด หรือขับรถ เลนส์ที่ตัดแสงได้ 70-90% ก็นับว่าเพียงพอแล้ว สีของเลนส์ เลนส์แว่นกันแดดมีให้เลือกหลายสี ซึ่งแต่ละสีก็เหมาะกับ การใช้งานในสภาพต่างกันไป เช่น เลนส์สีชา (amber) และสีเทาดำ เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไป เลนส์สีเหลืองหรือทอง เหมาะกับการใช้ ในภูมิประเทศที่มีหิมะ ขณะที่เลนส์สีม่วงหรือสีกุหลาบ เหมาะกับใช้ในการเดินป่าล่าสัตว์ หรือเล่นกีฬาทางน้ำ เป็นต้น
      หวังว่าข้อมูลดังกล่าวนี้ คงช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อ แว่นกันแดดที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้

 

Read More...

>

Language Click Here เตือน! ระวังตาบอด...โจ๋ฮิตใส่ "บิ๊กอายส์" แฟชั่นอันตราย



อันตราย- โฆษณาคอนแท็กต์เลนส์ตาโต หรือ"บิ๊ก อายส์" แฟชั่นจากเกาหลีซึ่งกำลัง
เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นไทย ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขและจักษุแพทย์ออกมาเตือน ให้ระวังอันตรายจากการติดเชื้อถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ ตามข่าว

ปลัดสาธารณ สุขเตือนสติวัยรุ่นไทย เห่อใส่คอนแท็กต์เลนส์ "บิ๊ก อายส์" ทำให้ ดูตากลมโตตามแฟชั่นดารานักร้องเกาหลี ชี้เสี่ยงเกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ จักษุแพทย์ระบุหากไม่ระวังเรื่องความสะอาดมีสิทธิ์ติดเชื้อที่กระจกตา ทำให้ตาบอดได้ภายใน 2 วัน ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่แยกกันซื้อคอนแท็กต์เลนส์คนละแบบ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ได้อีกด้วย แนะก่อนใส่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตา อย่าซื้อใส่เองโดยพลการ ด้านดาราสาว"ชมพู่ อารยา-เป้ย ปานวาด" แนะวัยรุ่นอย่าตามแฟชั่นมากเกินไป และควรเลือกใส่เฉพาะที่ผ่านอย. หรือซื้อตามร้านที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อตามตลาดนัด


เตือนวัยรุ่นนิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์"บิ๊ก อายส์"อาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันดารานักร้องจากเกาหลีกำลังอยู่ในกระแสนิยมของเมืองไทยเป็นอย่างมาก จึงส่งผลทำให้กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่ชอบแสวงหาต้นแบบ อยากแสดงออกและต้อง การการยอมรับ มีการลอกเลียนแบบดารานักร้องเกาหลี ทั้งกิริยาท่าทาง การแต่งหน้า แต่งตัว การทำทรงผม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เป็นไปตามวัย โดยล่าสุดพบว่าวัยรุ่นไทยกำลังนิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์ตาโต หรือ"บิ๊ก อายส์"ที่มีหลายสี หลายขนาดและหลายรูปแบบ เพื่อให้ดวงตาดูกลมโตขึ้นกว่าปกติ โดยสามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการทำสิ่งใดกับดวงตาถือเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญและบอบบางที่สุด หากเกิดปัญหากับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องก็อาจส่งผลให้ตาบอดได้ จึงอยากให้วัยรุ่นตามกระแสแฟชั่นอย่างมีสติ รู้จักระมัดระวังและชั่งน้ำหนักถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาด้วย



ด้าน น.พ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า คอนแท็กต์เลนส์ถือเป็นวัสดุทางการแพทย์ ที่เป็นทางเลือกสำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสายตาแต่ไม่สามารถใส่แว่นได้ การตัดสินใจใส่คอนแท็กต์เลนส์จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตาโดยเฉพาะ ส่วนคอนแท็กต์เลนส์ที่ใช้เพื่อวัตถุ ประสงค์อื่น อาทิ เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ มักจะใช้ในกลุ่มผู้ที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาในการประกอบอาชีพ อาทิ ดารา นักร้องและนางแบบ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอนแท็กต์เลนส์ชนิดใดก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจากคอนแท็กต์เลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยะเวลานาน หากคอนแท็กต์เลนส์สกปรกอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน
หมายเหตู นี่คือรายชื่อคอนเทคเลนส์ได้รับอนุญาต
และที่สามารถจำหน่ายได้แม้จะยังไม่ได้รับอนุญาต
น.พ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า การใช้คอนแท็กต์เลนส์ควรศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลรักษาคอนแท็กต์เลนส์อย่างเคร่งครัด สำหรับคอนแท็กต์เลนส์ควรเก็บรักษาไว้ในน้ำยาแช่คอนแท็กต์เลนส์โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท อีกทั้งควรเปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้และไม่ควรใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆ ห้ามล้างคอนแท็กต์เลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนที่อยู่ในน้ำประปาอาจกัดกร่อนเลนส์ทำให้เลนส์เสื่อมคุณภาพ ขุ่นมัวหรืออาจมีสิ่งเจือปนทำให้เลนส์สกปรกได้ นอกจากนี้ผู้ที่ใช้คอนแท็กต์เลนส์ควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสทุกครั้ง

"วัยรุ่นที่นิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์ตามแฟชั่น ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากๆ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อตาบอดแล้ว ยังพบว่ามีวัยรุ่นบางกลุ่มแยกกันซื้อคอนแท็กต์เลนส์คนละแบบแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ ซึ่งสามารถทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้" น.พ.ฐาปนวงศ์กล่าว

นางร้ายเซ็กซี่ "เป้ย"ปานวาด เหมมณี หนึ่งในลูกค้าบิ๊กอายส์หรือเลนส์ตาโตที่กำลังฮิตกันในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ กล่าวว่า ใส่บิ๊กอายส์มาประมาณ 1 ปีแล้ว จะใส่เวลาถ่ายแบบหรือไปงานโชว์ตัว เวลาใส่จะช่วยให้หน้าเปลี่ยนลุกส์ไปจากเดิม ขึ้นอยู่กับสีของบิ๊กอายส์ อย่างเป้ยใส่สีน้ำตาลจะดูเป็นธรรมชาติ และเป็นแบบเลนส์สายตาเพราะเป็นคนสายตาสั้น

"มันเป็นแฟชั่นของเกาหลี ซึ่งก็รู้กันว่ามีอิทธิพลมาถึงคนไทยได้ง่าย จริงๆ มีมานานแล้วแต่เพิ่งมาฮิตในเมืองไทย ราคาคู่หนึ่งประมาณ 500 บาท ตามแต่ละยี่ห้อและขนาดของเลนส์ ไม่ทราบว่ามีบิ๊กอายส์ของปลอมหรือเปล่า แต่ที่ซื้อประจำคือที่ร้านแว่นตา ซึ่งจะปลอดภัยกว่า"นางร้ายเซ็กซี่กล่าว



เมื่อถามว่ากลัวจะมีผลกระทบกับดวงตาหรือไม่ ดาราสาวกล่าวว่า จริงๆ ก็กลัว เพราะเคยได้ยินว่าทำให้ตาบอดได้ แต่กระแสก็เงียบหายไป อีกอย่างคือเราไม่ได้ใส่ทุกวันเพราะเวลาใส่บิ๊กอายส์จะทำให้ตาแห้ง รู้สึกเคืองตา ต้องคอยหยอดตาอยู่ตลอด ฉะนั้นวันปกติเป้ยจะพักตาโดยการไม่ใส่ หรือไม่ก็ใส่แว่นตาแทน

ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนว่าใส่บิ๊กอายส์นานๆ อาจทำให้ตาบอดได้ หรือถ้าแลกกันใส่ก็มีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้ด้วยนั้น เป้ยกล่าวว่า ก่อนซื้อมาใส่พอทราบอยู่แล้วว่าผลกระทบมีอะไรบ้าง แต่อย่างที่บอกว่าเป้ยไม่ได้ใส่ทุกวัน ที่สำคัญคือไม่ใช้ปะปนกับคนอื่นแน่นอน เวลาซื้อมาใช้ก็ซื้อที่ร้านแว่นตาที่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้ซื้อตามตลาดนัดทั่วไป เป้ยค่อนข้างระวังอยู่แล้วเพราะถ้าจะเลี่ยงไม่ใส่เลยคงไม่ได้ ด้วยงานที่ทำอยู่บางครั้งจำเป็นต้องใส่บิ๊กอายส์จริงๆ

สุดท้ายดาราสาวฝากเตือนน้องๆ ที่ใส่บิ๊กอายส์เป็นแฟชั่นว่า ไม่อยากให้น้องๆ ตามแฟชั่นมากเกินไป ควรเลือกใส่อย่างมีเหตุผลหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะซื้อมาใส่ เพราะถ้าเกิดตาบอดขึ้นมาก็จะไม่คุ้มกับทั้งชีวิตที่ต้องเสียไป

ด้านนางเอกสาวชื่อดัง "ชมพู่"อารยา เอ. ฮาร์เก็ต อีกหนึ่งสาวที่ใส่บิ๊กอายส์ กล่าวว่า ได้ยินชื่อเลนส์ตาโตนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งซื้อมาใส่ได้ 3-4 เดือน พอดีพี่ผู้จัดการส่วนตัวแนะนำให้รู้จัก ก่อนซื้อมาใส่ก็พอทราบว่ามันทำให้ตาบอดได้ด้วย จึงเลือกซื้อยี่ห้อดีๆ มาใส่ จริงๆ ลองมาหลายยี่ห้อแล้ว บางอันใส่แล้วไม่สบายตาก็จะไม่ใส่ เคยใส่ยี่ห้อหนึ่งใหญ่มากๆ เคืองตาจนต้องคอยหยอดตาตลอด สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยน หลังจากนั้นจะเลือกพอดีกับความต้องการในการใช้งาน เพราะเราไม่ได้ใส่เป็นแฟชั่น จะใส่เฉพาะเวลาถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณา จะใส่เต็มที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อดีของการใส่บิ๊กอายส์คืออะไร ชมพู่กล่าวว่า ไม่เรียกว่าข้อดี แต่ในแง่ของการทำงานวงการบันเทิงก็จำเป็นต้องใช้บ้าง สำหรับน้องๆ วัยรุ่นคงเป็นเรื่องของความสวยงาม เพราะใส่บิ๊กอายส์แล้วทำให้ตาแป๋วดูแบ๊วน่ารัก เท่าที่ทราบคนไทยนิยมใส่สีดำสนิท อย่างตอนนี้ก็มียี่ห้อหนึ่งที่โฆษณาว่าเป็นรุ่นที่ดงบังชินกิใส่ เห็นวัยรุ่นแห่ซื้อมาใส่เยอะมาก

ส่วนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนถึงอันตรายนั้น นางเอกสาวกล่าวว่า ปกติไม่ค่อยได้ใส่อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเป็นภาระของชีวิตที่ต้องมานั่งล้างหลายขั้นตอน ทั้งน้ำยาล้างเลนส์ น้ำยาล้างโปรตีน เลนส์พวกนี้ถ้าทำความสะอาดไม่ดีมันจะสะสมคราบโปรตีนซึ่งมาจากการแต่งหน้าแล้วไปอุดตามขอบเลนส์ เป็นเหตุให้ตาบอดได้

นางเอกสาวฝากถึงน้องๆ วัยรุ่นว่า ถ้าอยากใส่บิ๊กอายส์ลองเลือกใส่เฉพาะโอกาสพิเศษจริงๆ ดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าอันตรายที่ตามมามีอะไรบ้าง หรือ ถ้าจะซื้อก็เลือกยี่ห้อที่มีอย. ซึ่งจะจำหน่ายอยู่ตามร้านแว่นตาที่เชื่อถือได้ ถ้าเลี่ยงได้อย่าไปซื้อตามตลาดนัด เพราะเคยเห็นแพ็กเกจแบบที่ใหญ่โตน่ากลัวมากๆ

ด้านนางเอกสาวหน้าแบ๊ว "พีค"ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ กล่าวว่า รู้จักบิ๊กอายส์แต่ไม่เคยใส่ ไม่กล้ายุ่งกับดวงตาเท่าไร คิดว่าถ้าเอาอะไรมาใส่ตาคงรำคาญเหมือนกัน แต่ถึงไม่ใส่ก็มักจะมีคนมาถามบ่อยๆ ว่าใส่บิ๊กอายส์หรือเปล่า เพราะความที่เป็นคนตาโต และตาดำค่อนข้างใหญ่ ไม่คิดจะใส่เลย เพราะเวลาเห็นคนใส่แล้วรู้สึกว่าตามันหลอกๆ ดูน่ากลัวด้วย ส่วนที่ทางแพทย์เตือนว่ามีอันตรายกับดวงตาถึงขั้นตาบอดนั้น ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งน่ากลัว สำหรับคนที่อยากใส่น่าจะเลือกโอกาสที่เหมาะสม แต่ไม่ควรใส่ในชีวิตประจำวัน หรือถ้าไม่ใส่เลยก็ยิ่งดี คนเรามีดวงตาน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าใส่บิ๊กอายส์ อารมณ์ของตาที่สื่อออกมาก็จะเหมือนๆ กันหมดทุกคนคือแป๋วๆ แบ๊วๆ ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่าไปดิ้นรนในสิ่งเหล่านี้เลย มันเป็นอันตรายกับตัวเองเปล่าๆ




Read More...

>

Language Click Here การดูและถนอมดวงตา

ดวงตาน่ารู้
การดูแลถนอมดวงตา

ดวงตาเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้า รับหน้าที่หลักคือทำให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว เราทุกคนมีดวงตาคนละสองดวงสำหรับใช้งานไปตลอดชีวิต เราคงอยากใช้ดวงตาของเรามองเห็นได้ดีไปให้นานที่สุด ดังนั้น การถนอมดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ คำถามคำตอบต่อไปนี้ จะช่วยเราให้สามารถปฏิบัติตัวได้ดี
• ข้อควรปฏิบัติในการดูแลสุขภาพดวงตา
1. หมั่นรับการตรวจตาเป็นประจำโดยจักษุแพทย์
- สำหรับเด็ก ควรพบจักษุแพทย์อย่างน้อยในช่วงอายุ 3-5 ขวบก่อนเข้าโรงเรียน และหลังจากนั้นเป็นประจำในแต่ละช่วงระดับชั้น หรือเมื่อมีปัญหาเรื่องมองเห็นไม่ชัดซึ่งอาจเกิดจากปัญหาสายตา
- สำหรับผู้สูงอายุ เกิน 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจตาปีละ 1 ครั้ง
- ในกรณีพิเศษที่ต้องได้รับการตรวจตาบ่อยขึ้น ได้แก่ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน หรือมีประวัติโรคตาในครอบครัว เช่น ต้อหิน มะเร็งจอประสาทตา เป็นต้น
2. ควรสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อออกแดดหรือต้องใช้สายตาในที่มีแสงมากเพื่อป้องกันโรคตาบางชนิด (ดูเรื่องการเลือกแว่น)
3. ควรสวมแว่นป้องกันการกระแทก (protective eye glass) เมื่อต้องทำงานประกอบอาชีพบางชนิด หรือเล่นกีฬาบางอย่าง (ดูเรื่องการเลือกแว่น)
4. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าอย่างครบถ้วน (ดูเรื่องอาหารกับดวงตา)
• การเลือกแว่น
เราควรสวมแว่นไม่ใช่เพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่เพราะการสวมแว่นที่เหมาะสม สามารถทำให้เรามีสุขภาพดวงตาที่ดี และยังป้องกันการสูญเสียดวงตาที่เรารักได้อีก แว่นที่ควรสวมมีดังนี้
1. แว่นกันแดด
2. แว่นป้องกันดวงตา

แว่นกันแดด
• ทำไมจึงต้องสวมแว่นกันแดด
ปัจจุบันเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า แสงแดดโดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเล็ต (ultraviolet-UV) มีผลต่อดวงตาในระยะยาว จะทำให้เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อชั้นต่างๆของดวงตา ตั้งแต่ชั้นนอกสุดไปจนถึงชั้นในสุด โรคตาที่เกิดจากการทำลายของแสงได้แก่ ต้อลม ต้อเนื้อ กระจกตาเป็นฝ้า ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรและมีแสงแดดตลอดทั้งปี ดังนั้น ควรสวมแว่นกันแดดไว้เมื่อออกจากบ้าน ไม่เพียงเฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่ต้องสวม แต่ควรสวมแว่นให้เด็กด้วย
รูปแสดงคลื่นแสงที่มองเห็น (Visible Light) และแสงอัลตราไวโอเล็ต (Ultraviolet light) ที่อันตรายต่อดวงตา

• เคล็ดลับในการเลือกแว่นกันแดด
- แว่นที่ดีควรกันแสง UV-A และ UV-B อย่างน้อย 99-100 เปอร์เซ็นต์ และกันแสงทั่วไปได้อย่างน้อย 75-90 เปอร์เซ็นต์
- แว่นชนิด polarizing filter สามารถให้ภาพที่คมชัดขึ้นและป้องกันแสงได้ดี
- อย่าเลือกแว่นราคาถูก เพราะอาจมีคุณภาพไม่ดี ไม่สามารถกรองแสงได้
- อย่าเชื่อสติกเกอร์ที่ติดไว้ข้างแว่น หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาช่างแว่นที่ไว้ใจได้ ร้านแว่นบางร้านจะมีเครื่องเช็คเปอร์เซ็นต์การกรองแสง UV ซึ่งสามารถขอเช็คซ้ำได้
- สวมแว่นกันแดดแล้วส่องกระจก หากคุณสามารถมองเห็นดวงตาของคุณเองผ่านเลนส์ แสดงว่า เลนส์อาจไม่เข้มพอที่จะกรองแสงได้
- หากใช้แว่นสี ควรเลือกสีโทน เทา น้ำตาล หรือเขียว เพื่อให้สามารถมองเห็นสีได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ผิดเพี้ยน อย่าเลือกสีแดง น้ำเงิน เพราะอาจทำให้แสงความยาวคลื่นที่อันตรายสามารถผ่านเข้าสู่ดวงตาได้
- เช็คคุณภาพของเลนส์โดยถือเลนส์ในระยะห่างเท่าความยาวของแขน มองผ่านเลนส์ไปยังวัตถุไกลออกไปที่เป็นเส้นตรง เช่น กรอบประตู เสา แล้วลองเคลื่อนเลนส์ผ่านเส้นตรงที่เห็น หากมองเห็นเส้นบิดเบี้ยวไปมา แสดงว่าเนื้อเลนส์ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้คุณภาพ
ภาพแสดงชนิดต่างๆของแว่นกันแดด

แว่นป้องกันดวงตา
• ทำไมจึงต้องสวมแว่นป้องกันดวงตา
เนื่องจากในแต่ละปี อุบัติเหตุกับดวงตาที่เกิดจาก งานบ้าน การปฏิบัติงานที่ทำงาน หรือจากการกีฬานั้นพบได้มาก และเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวร ดังนั้น การสวมแว่นป้องกันดวงตาจึงเป็นสิ่งจำเป็น
• งานชนิดไหนบ้างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา
- งานบ้านเช่น งานไม้ ตอกตะปู การใช้เครื่องตัดหญ้า มีความเสี่ยงที่วัตถุชิ้นเล็กจะกระเด็นด้วยความเร็ว และความแรงเข้ามาในดวงตา
- งานที่ต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมี กรด ด่าง
- งานที่เกี่ยวข้องกับคลื่นแสงอันตราย เช่น งานเชื่อมโลหะ อุตสาหกรรมที่มีการใช้เลเซอร์ หรือรังสีต่างๆ
- การเล่นกีฬาบางชนิดที่อุปกรณ์ที่เล่นอาจเข้ามาชนดวงตาได้ เช่น เทนนิส สควอช แบดมินตัน กอล์ฟ ฮอคกี้ เบสบอล


• จะใช้แว่นชนิดไหนป้องกัน
เลนส์ที่มีคุณสมบัติป้องกันการกระแทกได้แก่ เลนส์ชนิดโพลีคาร์บอเนต (polycarbonate lens) ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความเหนียวและทนต่อแรงกระแทกได้สูง นอกจากนั้นเลนส์ชนิดนี้หากแตกก็จะไม่กระจายเป็นชิ้น เล็กๆที่จะเข้าสู่ดวงตาได้ เลนส์ชนิดนี้ราคาไม่แพง บางครั้งจะทำเป็นเลนส์กันแดดในตัว สามารถถามหาได้ตามร้านแว่นใหญ่ทั่วไป

ตัวอย่างแว่นที่ทำจาก Polycarbonate lens
การบริหารกล้ามเนิ้อตา (Eye Exercises)
การบริหารหรือการออกกำลังกล้ามเนื้อตาจำเป็นสำหรับบุคคลต่อไปนี้เท่านั้น
1. ไม่สามารถโฟกัสภาพเมื่ออ่านหนังสือ
2. มองเห็นภาพซ้อน (ในบางกรณี)
3. ตาเข ไม่ว่าจะเขออกนอกหรือเข้าใน
4. หลังรับการผ่าตัดดวงตา แพทย์จะใช้เพื่อช่วยคงการมองเห็นหรือช่วยให้ดวงตาตรง ไม่เขออก
5. มีภาวะตาขี้เกียจ
การบริหารกล้ามเนื้อดวงตามีหลายวิธี โดยสรุปมักจะประกอบด้วยการบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆที่อยู่รอบดวงตาและทำหน้าที่กลอกดวงตาไปมาโดยการบริหารจะช่วยให้ฝึกให้การเคลื่อนไหวของดวงตา และการรับภาพที่สมองเป็นไปอย่างสัมพันธ์กัน ตัวอย่างการบริหาร เช่น
- ใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง และใช้ตาที่เหลือจ้องมองที่วัตถุที่ต่างๆ ใกล้ ไกล
เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
- เปิดตาสองข้าง มือถือปลายดินสอหรือปากกายืดออกเท่าความยาวช่วงแขน บังคับดวงตาให้จ้องมองที่ปลายปากกาโดยให้เห็นเป็นจุดๆเดียว แล้วค่อยๆเคลื่อนปลายปากกาเข้าใกล้ดวงตาขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกัน บังคับให้ดวงตาทั้งสองข้างมองตามมาและให้เห็นเป็นจุดเดียว ไม่ให้เกิดเป็นภาพซ้อนจนใกล้ดวงตามากที่สุด ทำเช่นนี้อย่างน้อย 10-20 ครั้งเป็นประจำทุกวัน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อในการมองใกล้ และช่วยให้ดวงตาตรงไม่เขออก
อาหารบำรุงดวงตา
สารอาหารที่มีคุณค่ากับสายตา ช่วยป้องกันโรคตาได้ มีดังต่อไปนี้
1. กลุ่มที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ป้องกันโรคจอตาเสื่อม โรคต้อกระจก ไม่เพียงเท่านั้น อาจป้องกันโรคอื่นได้อีก เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน และโรคมะเร็ง เป็นต้น สารอาหารที่มีปริมาณครบถ้วนเช่นนี้ไม่สามารถรับประทานจากอาหารได้อย่างเดียว จำต้องรับประทานเสริม สารเหล่านี้ได้แก่
- วิตะมินซี วันละ 500 มิลลิกรัม
- วิตะมินอี วันละ 400 IU
- เบตาแคโรทีน วันละ 15 มิลลิกรัม
- สังกะสี (zinc oxide) วันละ 500 มิลลิกรัม
- ไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid)
2. กรดไขมันชนิด Omega-3 ช่วยรักษาอาการตาแห้ง และโรคหัวใจ หลอดเลือด ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเร็งหลายชนิด เนื่องจากเป็นต้นกำเนิดของกรดไขมันอิสระสองชนิดคือ EPA และ DHA ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สารเหล่านี้ได้จากปลาบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน แมคเคอเรล ซาร์ดีน ซึ่งควรรับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
นอกจากนั้นเราสามารถบริโภคสาร ALA ซึ่งร่างกายจะสามารถเปลี่ยนไปเป็น EPA และ DHA ได้เอง สาร ALA พบใน น้ำมัน flaxseed ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง เมล็ดวอลนัท เมล็ดฟักทอง
3. สาร lutein และ zeaxanthin เป็นกลุ่มแคโรทีนอยด์ซึ่งทำให้พืชมีสีเหลือง สารเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคต้อกระจก และโดยเฉพาะโรคจอตาเสื่อมไม่เพียงป้องกันเท่านั้น แต่สามารถรักษาได้ด้วย
สารเหล่านี้มีมากในผักใบเขียว ควรได้รับ lutein 20 มิลลิกรัมต่อวัน และ zeaxanthin 6-10 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรือสามารถรับประทานเป็นเม็ดเสริมได้
โดย : คณะอนุกรรมการวิชาการ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

Read More...

 
Copyright ©2008 All Rights Reserved
ศูนย์โปรเกรสซีฟเลนส์ อายเลิฟเว่อร์ ออพติค 528/1 ห้างสหไทยการ์เด้นพลาซ่า ถ.ตลาดใหม่ ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โทร.089 973 1833
  • E-Mail